Wednesday, November 22, 2006

เมืองมายา : คุยกับลุงแท็กซี่

ลุงแท็กซี่...

ขอเรียกลุงแบบนี้นะ ตอนนี้ไม่ทราบว่าลุงอยู่ที่ใหน แต่สังขารของลุงกำลังได้รับการ "บำเพ็ญกุศล" ตามแบบของพวกเรา

ผมรู้ชื่อลุงจากข่าว ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว จึงไม่ขอเรียกขานนามของลุงอย่างเป็นทางการ อาจเรียกการคุยกันครั้งนี้ว่า

การพูดคุยกับจิตวิญญาณก็ได้นะลุง.....

การตายของลุงแท็กซี่ ผมถือเป็น "ปรากฎการณ์" อย่างหนึ่งในสังคมไทย

เป็น "ปฏิกริยาของสังคม" ในอีกรูปแบบหนึ่ง ต่อเหตุการณ์หนึ่งซึ่งมิใช่ครั้งแรกในแวดวงการเมืองไทย

อายุผมก็อายุใกล้เคียง ห่างจากลุงแท็กซี่ไม่มากเท่าไหร่หรอก ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาพอ ๆ กัน

ต่อสู้กับเผด็จการมาทั้งในเครื่องแบบ นอกเครื่องแบบ เผด็จการทหาร เผด็จการพลเรือน

ตลอด 30-40 ปี ที่ผ่านมา ก็คงมีไม่น้อยที่ต้องลงไปลุยในถนน นอนบนสนามหญ้าหรือถนนปูนแข็ง ๆ นั่งบนพื้นถนนร้อน ๆ

และไม่คิดว่าจะต้องออกมาอีกในปี 2548...จนถึงปี 2549

หากจะว่าไป "เผด็จการ" มันมาในทุกรูปแบบ แม้แต่เรื่องการแสดงความคิดเห็น ในบ้านเรา ในโรงเรียน ในที่ทำงาน ฯลฯ

เราเคารพในการตัดสินใจของลุงแท็กซี่ แต่บางทีผมก็ไม่เคารพในวิถีคนกล้าแบบนั้น ( ในเรื่องของความคุ้มค่า )

ยิ่งใครก็ตามที่คิดจะเอา "วิถีคนกล้า" ที่ลุงแท็กซี่ไปทำเป็นเครื่องต่อรองในบางเรื่อง....ยิ่งน่าเวทนาและน่าตำหนิ

อาจบางที ผมก็มองย้อนไป...ใครทำให้เกิดรัฐประหาร...มันก็ว่ากันได้เรื่อย ๆ ไม่มีจบ

บางทีถามว่า ฝนเอย...ทำไมจึงตก...แล้วมันก็วนมาที่เพราะกบมันร้อง...

ถามว่าฝนเอยทำไมร้องไห้และหลั่งน้ำตา

อาจบางทีก็ไม่รู้หรอกว่า...ร้องไห้เพราะอะไร...เพราะมันมีเหตุปัจจัยมากมายที่ทำให้ให้เกิดผลแบบนั้น

หากถามว่า "คุ้มมั๊ย" ผมก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันว่า "คุ้มกับอะไร"

ชีวิตนี้สั้นนัก อาจเหมือนลมกระโชกมาวูบหนึ่ง บางครั้งก็รู้สึกว่ายาวนาน บางครั้งก็อาจเหมือนชั่วลมหายใจออก ยังไม่ทันหายใจเข้า

แต่ "ชีวิต" ที่เกิดมา แม้เพียง "เสี้ยวลมหายใจ" หากใครคิดจะเอาไปทิ้ง ก็โปรดคิดด้วยตนเอง ให้รอบคอบ รอบด้าน

หากคิดว่า ความตายนั้น ทำขึ้นเพียงเพื่อพิสูจน์จิตใจที่แน่วแน่.....ผมว่ามันง่ายเกินไปที่จะกระทำแบบนั้น

แต่หากคิดว่าการตายนั้น จะมีผลทางการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้สิ่งที่ปรารถนาแก่สังคมก็จงตายไปเถิด

หากเป็นการ "ตายสิบ เกิดแสน" ก็สมควรตาย

แต่หากตายคนเดียว...แล้วเดินทางไปสู่ปรโลกอย่างโดดเดี่ยว...ลุงแท็กซี่คงต้องไปนั่งรอพวกผมที่ศาลารอเพื่อน

แต่เห็นท่าจะต้องรอนานหน่อยนะลุง...เพราะผมยังเดินทางไปไม่ถึง...

รออยู่ที่นั่นแหละ แล้วเราคงได้จับเข่าคุยกัน...ว่างานนี้มัน "คุ้ม" กันหรือไม่...

เราคุยกันได้เสมอ..ลุงแท็กซี่...และอยากให้พวกเราทุกคน คุยกับลุงให้มาก ๆ อย่าให้ลุงแท็กซี่เงียบเหงาและรอนาน...

แม้อยู่ต่างภพ ต่างชาติ ก็มิอาจมีสิ่งขวางกั้นในเรื่องการสนทนาผ่านโลกแห่งจินตนาการ...

ว่าง ๆ ผมจะคุยกับลุง...ในบางครั้ง บางเวลานะลุง

ผมคิดว่าเรามีเรื่องที่ควร "เสียใจ" อยู่เรื่องหนึ่ง อันเนื่องมาจาก"ความตายของลุง" คือเรื่องความไม่เอาใหนของ "การข่าว" ของทางราชการ

ตั้งแต่วันที่ลุงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล การเยียวยาด้านจิตใจ หรือ "จิตบำบัด" น่าจะเกิดตั้งแต่ตอนนั้น

จิตแพทย์หายไปใหน ควรหรือไม่ก่อนปล่อยตัวกลับบ้านต้องผ่านขบวนการ "จิตบำบัด"

เพราะกระบวนการคิดเรื่อง "พลีชีพ - ฆ่าตัวตาย" มันเกิดแล้ว เกิดในจิตใจของลุงแท็กซี่แล้ว...ทำไมสังคมหรือหมอผู้รักษาหลงลืมประเด็นนี้ไป

หากผมจะ "ตำหนิ" ในเรื่องนี้ ผมอยากตำหนิผู้ให้การรักษาพยาบาล และฝ่ายที่ทำการปฏิวัติ ในคืน 19 กันยา 2549

ตั้งแต่ลุงแท็กซี่ ขับรถพลีชีพชนรถถังวันนั้น จนถึงวันที่ลุงคิดแขวนคอตาย.แสวงหาที่ฆ่าตัวตาย.....งานการข่าวทำไมไม่ประกบลุงให้ใกล้ชิด

ลุงเป็นใคร มาจากใหน ทำทำไม ลุงคิดยังไงบ้าง....ลุงเคลื่อนไหวอย่างไร มีการติดต่อใคร...ทำไมต้องไปที่สะพายลอยหน้าไทยรัฐ

มีใครไปด้วยบ้าง วันนั้นลุงเจอใคร พูดกับใคร

มันมีเหตุอันควรตำหนิรัฐบาลก็ตรงนี้...มันมีเหตุอันควรตำหนิแพทย์ ผู้ทำการรักษาด้วย ที่รักษาแต่แผลทางกาย แต่ไม่รักษาแผลทางใจ.

เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมก็ไม่สงสัยในศักยภาพของ "การข่าว" ของฝ่ายรัฐบาล ว่า...ทำไม พวกไม่หวังดี มันถึงวางระเบิดได้ 30-40 จุด ในเวลาเดียวกัน

แต่พูดไปก็มันเหมือนซ้ำเติมความด้อยประสิทธิภาพของสังคมทั้งมวลนั่นแหละ

แต่เพื่อไม่ให้ "ลุงแท็กซี่" ถูกมองอย่างไร้ค่าจนเกินไป ( ในสายตาของบางคน )

แต่อย่างน้อยผมคิดว่า การตายของลุงแท็กซี่นั้นขอให้เป็น "การตาย...เพื่อให้เกิดสติแก่สังคม"

เพราะเกิดและดับ มันเป็นสัจจธรรมของชีวิต เกิด ๆ ดับ ๆ ดับสิ่งหนึ่งก็อาจเกิดอีกสิ่งหนึ่ง

ดับไปหนึ่งชีวิต เพื่ออุทิศให้เกิดสติแก่สังคม ก็จะดูคุ้มค่าอยู่ไม่น้อย

แต่ดับไปครั้งนี้ คิดกันบ้างมั๊ยว่า จะไปเกิดในที่ใหนของโลกใบนี้ที่ "ไม่มีความขัดแย้ง"

บางทีตัวผมเองไม่มีใครทะเลาะด้วย บางทีนั่งทะเลาะกับตัวเองยังมีเลย ประสาอะไรกับสังคมแห่งความหลากหลายที่เราอยู่

ไม่ว่าใครก็ตามที่กำลังเคลื่อนไหว...คิดอะไรให้รอบคอบ รอบด้าน ดูผลดีผลเสีย ดูเหตุ ดูผล ดูตน ดูประมาณ ดูกาล ดูสถานที่.....ดูไปทุกอย่าง

แล้วค่อยตัดสินใจจะทำหรือไม่ทำอะไร...เมื่อรอบคอบรอบด้านแล้ว ตัดสินใจลงไป...ไม่ว่ากัน..

เพราะคนเราจะให้คิดเหมือนกันหมดคงไม่ได้...ว่ามั๊ย..ลุงแท็กซี่..

ว่าง ๆ ผมจะคุยเรื่องนี้...ถ้าเราเจอกันคงได้คุยกันอีก...แม้อยู่คนละโลก แต่ แตกต่างก็ไม่แตกแยกใช่มั๊ยลุง...

No comments: